วันอังคารที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2553

มะรุม ต้นไม้เพื่อชีวิต

มะรุม ต้นไม้เพื่อชีวิต
 
 

คำนำ / บทสำนึกคุณ จากผู้เขียนหนังสือ

ข้อมูลคร่าวๆ จากแหล่งอ้างอิง

ประสบการณ์ตรงจากชีวิตจริง

มะรุมรักษาโรคเอดส์ (AIDS)

ตำราอาหารเกี่ยวกับมะรุมและธรรมชาติบำบัด



              ทุกท่านที่อ้างอิงถึงต่อไปนี้ มีตัวตนจริงและยังมีชีวิตอยู่ บางท่านอนุญาตให้ลงนามจริงได้ บางท่านได้ขอร้องไม่ให้ระบุชื่อ ผลที่เกิดกับแต่ละท่านแตกต่างกันไปตามสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล ก่อนจะนำไปใช้กับตนเอง ขอให้ใช้วิจารณญาณของท่านเอง และถ้าเป็นไปได้ก็ขอให้ปรึกษาแพทย์อย่างใกล้ชิด และห้ามหยุดยารักษาโรคทุกชนิดที่รับประทานอยู่ จนกว่าจะได้รับคำสั่งจากแพทย์ผู้ทำการรักษาให้ลดขนาดหรือหยุดการใช้ยา อย่าเสี่ยงกับสุขภาพของท่านเพียงเพราะอ่านจากหนังสือเท่านั้น ผู้เขียนเองในขณะที่รับประทานมะรุมในเบื้องต้น ก็ได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิดเช่นกัน หลังจากการรับประทานติดต่อกันมาเป็นเวลา 3 ปีครึ่ง จึงเห็นผลที่คุ้มค่า

               คุณกรองทอง ชุติมา เป็นผู้หนึ่งที่มีส่วนร่วมในการเลี้ยงดูผู้เขียนมาตั้งแต่เกิด ท่านเป็นน้องสาวคนเดียวของคุณสุรพล อนุสารสุนทร บิดาของผู้เขียน เมื่อท่านทราบว่าผู้เขียนหายขาดจากโรคหลายชนิดเพราะผงใบมะรุม ท่านก็ให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง คุณปู่ของผู้เขียน คุณหลวงอนุสารสุนทร เป็นนักค้นคว้าและวิจัยสมุนไพรสมัครเล่น คุณอาจึงเติบโตมากับสมุนไพร เมื่อได้ทราบประโยชน์ของมะรุม คุณอาจึงเริ่มรับประทานมะรุมผงตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา นับเป็นเวลาประมาณ 4 ปีแล้ว

ขณะนี้ท่านมีอายุ 90 ปีเต็ม ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ท่านไม่เคยเจ็บป่วยเลย กลับมีสุขภาพแข็งแรงจนเป็นที่กล่าวขวัญถึงของคนทั่วไปที่รู้จักท่าน อีกทั้งผิวพรรณของท่านก็ดูสดใส นอกจากนั้นท่านยังได้ให้ความสำคัญและพยายามเผยแพร่เรื่องมะรุมไปยังบุคคลหลายระดับ แม้แต่การจัดหาพันธุ์มะรุมแจกจ่ายไปตามหน่วยงานการกุศล และชาวบ้านทั่วไป รวมทั้งพยายามให้สถาบันราชภัฎเชียงใหม่ทดลองปลูกด้วย

             ในจำนวนคนที่ได้รับผลดีเป็นอย่างมากจากการใช้ใบมะรุมผง ได้แก่บุคคลในครอบครัว คือน้องสาวคนเล็กและพี่สาวคนรอง ก้อนเนื้อที่เต้านมของน้องสาว เริ่มทำท่าจะโตขึ้น แพทย์จึงนัดทำการตัดชิ้นเนื้อไปพิสูจน์ให้แน่ใจว่าไม่ได้เป็นมะเร็ง เผอิญเป็นเวลาที่น้องสาวเริ่มรับประทานผงมะรุม เมื่อถึงเวลาที่แพทย์ตรวจ ปรากฎว่าก้อนเนื้อที่มีมานานได้หายไปอย่างน่าประหลาดใจ และไม่กลับมาอีกเลยจนทุกวันนี้ ส่วนพี่สาวคนรองมีอาการมากว่าคือเจ็บมาก แพทย์ที่สหรัฐอเมริกาตรวจแล้วลงความเห็นว่า อาจจะเป็นมะเร็งทรวงอก จึงขอตัดชิ้นเนื้อไปพิสูจน์ ผู้เขียนจึงได้ขอร้องให้พี่สาวลองรับประทานผงมะรุมดู 4 เดือน หลังจากนั้นผลการตรวจครั้งที่ 3 ที่ประเทศฮอลแลนด์พบว่า ก้อนเนื้อนั้นได้หายไปแล้ว ข้อเขียนนี้ไม่ได้ยืนยันว่า ใบมะรุมช่วยรักษาโรคมะเร็งได้ เพราะหลักฐานในการพิสูจน์ยังมีไม่มากพอ เพียงแต่เป็นประสบการณ์เฉพาะบุคคลเท่านั้น

เพื่อนรุ่นพี่คนหนึ่งที่วัดป่าธรรมชาติ ก็มีลักษณะเช่นเดียวกัน คือ หมอตรวจเจอก้อนเนื้อที่ทรวงอก แต่หลังจากรับประทานผงมะรุมแล้ว ก้อนเนื้อนั้นก็หายไป นี่เป็นสัญญาณที่ดีและพอจะมีความหวังได้ว่า ผงมะรุมอาจช่วยคลี่คลายปัญหาได้ หากท่านรู้จักผู้ที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกันนี้ ช่วยบอกต่อๆ กันไปจะเป็นพระคุณยิ่ง

ในการรักษาโรคคอหอยพอกชนิดมีพิษนั้น ตัวผู้เขียนได้รับความสำเร็จ 100% โดยใช้เวลาจริงๆ เพียงแค่ 3 เดือนภายใต้การควบคุมอย่างใกล้ชิดของแพทย์ผู้รักษา หากท่านอยากจะนำไปรักษา ควรปรึกษาแพทย์ขอความช่วยเหลือ เพราะร่างกายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะผู้ชายจากากรสำรวจทดลองของผู้เชี่ยวชาญพบว่า ได้ผลเพียง 75% สำหรับการควบคุมนั้นต้องใช้ระยะยาว ผู้เขียนยังไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับโรคคอหอยพอกชนิดไม่มีพิษท่ านที่ประสบผลสำเร็จกรุณาแจ้งให้ทราบจะเป็นพระคุณยิ่ง

ปัญหาส่วนใหญ่ของผู้สูงอายุคือการหกล้ม ส่วนใหญ่มักจะกลายเป็นเรื่องร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิตได้ ดังนั้น ถ้าเราสามารถเสริมสร้างให้กระดูกแข็งแรงแล้วผลร้ายของการหกล้มก็จะลดน้อยลง ประสบการณ์เรื่องกระดูกนี้มีผู้ได้รับผลประโยชน์มากมาย ผู้เขียนเองเห็นผลเป็นคนแรก หลัง่จากนั้นเพื่อนของพี่สาวคนโตที่เมืองโอคาล่าประสบอุบัติเหตุตกจักรยาน ไหปลาร้าหัก แขนหัก 2 ท่อน เนื่องจาก JANE (นามสมมุติ) มีอายุ 60 ปี และยังมีอาการเบาหวานแทรกซ้อนจึงเป็นการยากลำบากอย่างยิ่งในการรักษา แพทย์ประเมินผลว่าการรักษาจะต้องใช้เวลาเป็นแรมปี เมื่อผู้เขียนทราบข่าวจึงได้เล่าประสบการณ์ส่วนตัวให้ฟัง เนื่องจาก JANE เป็นเพื่อนรักของพี่สาวจึงบังคับให้เธอรับประทานใบมะรุมสดทุกวันและทุกมื้อ ขนาดลงทุนปลูกต้นมะรุมไว้ถึง 2 ต้น ผลการรักษาเป็นที่น่าพอใจจนแพทย์แปลกใจ ในระยะเวลา 8 เดือน JANE ก็หายสนิท และในช่วงนั้นอาการเบาหวานก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ

PHYLLIS สุภาพสตรีอายุ 80 กว่า หกล้มขาหัก เนื่องจากอยู่ในวัยชรา แพทย์ผู้รักษาจึงไม่ให้ความหวังแต่อย่างใด พี่สาวไปพบเข้าก็เกิดความสงสาร จึงถามว่าจะลองดูไหม แต่จะมาฟ้องร้องกันทีหลังไม่ได้ ข่าวที่ JANE หายอย่างรวดเร็วแพร่ไปทั่วหมู่บ้าน PHYLLIS จึงตกลงที่จะลอง ครั้งนี้พี่สาวให้รับประทานแบบแคปซูลวันละ 8 เม็ด อาการหายเป็นปกติภายในเวลา 6 เดือน เดือนมิถุนายน 2006 ผู้เขียนไปเยี่ยมพี่สาวที่ฟลอริด้า เธอได้เดินทางมาขอบคุณผู้เขียนด้วยตัวเอง และคุยอวดว่าขณะนี้เธอสามารถไปเล่นโบว์ลิ่งได้ทุกอาทิตย์อีกด้วย ปัจจุบันในหมู่บ้านแห่งนี้มีผู้ป่วยกระดูกหัก และหายเพิ่มขึ้นอีกหลายคน ถ้าท่านมาเที่ยวจะรู้สึกประหลาดใจที่เห็นต้นมะรุมปลูกอยู่หลายครัวเรือน

เดือนพฤศจิกายน 2549 คณลออวรรณ ศรีกรานนท์ แจ้งมาว่า ท่านศาสตราจารย์ ดร.แมนรัตน์ ศรีกรานนท์ ประสบอุบัติเหตุล้มฟาดบนพื้นซีเมนต์ลานจอดรถของศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง ท่านได้รับบาดเจ็บใบหน้าซีกหนึ่งบวมและแตก แขนและเข่าแตกเป็นแผลลึก เนื่องจากท่านมีโรคเรื้อรังประจำตัวคือเบาหวาน จึงเป็นที่หวั่นวิตกของทุกคนในครอบครัวว่า บาดแผลอาจจะลุกลามแต่เนื่องจากมีน้ำมันมะรุมเป็นยาสามัญประจำบ้าน จึงได้รีบนำมาทาแผล ผลปรากฎว่าแผลที่ใบหน้าหายภายใน 3 วัน ส่วนแผลที่แขนและหัวเข่าหายภายใน 10 วัน

มีผู้ป่วยโรคความดันโลหิตเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกับโรคเบาหวาน และมีผู้รับประทานเป็นจำนวนมากให้การยืนยันว่า ความดันโลหิตอยู่ในภาวะที่ควบคุมได้

ผู้เขียนมีเพื่อน 3 คน เป็นมะเร็งต่างชนิดกัน และผ่านการรักษามาแล้ว เมื่อหันมารับประทานมะรุมก็สามารถช่วยให้มีสุขภาพที่สมบูรณ์และแข็งแรง คนแรกเป็นมะเร็งลำไส้ ผ่านการรักษาด้วยกัมมันตภาพรังสีมาครบ 3 ครั้ง ภูมิต้านทานตกต่ำถึงที่สุด ผู้เขียนได้ส่งผงมะรุมจากอเมริกาไปให้รับประทานทุกเดือน ขณะนี้ผลเป็นที่น่าพอใจ ร่างกายแข็งแรงขึ้นมาก เมื่อถึงเวลาพบแพทย์ตามนัด ผลตรวจเป็นที่น่าพอใจ ทุกท่านยืนยันว่าภูมิต้านทานดีมาก และไม่มีอาการอ่อนเพลีย

คนที่สองเป็นลูกสาวเพื่อน เธอเป็นมะเร็งเต้านม ผ่านการผ่าตัดมาแล้ว 2 ครั้ง ขณะนี้ได้ลุกลามไปถึงบริเวณกระดูกแล้ว เธอมีกำลังใจดี ร่างกายแข็งแรง ไม่เคยมีอาการแพ้ยาแต่อย่างใด หลังการผ่าตัดเธอก็สามารถฟื้นขี้นมาได้อย่างรวดเร็ว และสามารถขับรถได้ด้วย เธอรับประทานทั้งใบแห้งและเมล็ดมะรุมเป็นประจำ ขณะดียวกันก็รับประทานเห็ด 3 อย่างตามคำแนะนำของท่านอาจารย์สุทธิวัสส์อย่างสม่ำเสมอ ถึงแม้ว่าอาการมะเร็งยังไม่หายไป แต่เธอก็เชื่อว่าทั้งมะรุมและเห็ดมีส่วนทำให้ร่างกายของเธอแข็งแรง และพร้อมที่จะต่อสู้โรคร้ายต่อไป ขณะนี้เธอกำลังรอการตัดสินจากแพทย์ว่าจะต้องรักษาด้วยกัมมันตภาพรังสีหรือไม่

คนสุดท้ายเป็นเพื่อนสนิท เป็นมะเร็งที่ปีกมดลูก ผ่าตัดมาเรียบร้อยแล้ว หลังการผ่าตัดเธอรับประทานทั้งมะรุมผงและมะรุมเม็ด รวมทั้งเห็ด 3 อย่าง ขณะนี้แพทย์ให้ความเห็นว่า มะเร็งหายสนิทแล้ว แต่เพื่อความไม่ประมาทเธอก็ยังไปรับการตรวจจากแพทย์อย่างสม่ำเสมอ

โรคเก๊าท์เป็นโรคที่ทรมาน ผู้ติดตามคุณย่าของผู้เขียน เสียชีวิตด้วยโรคเก๊าท์ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่หลายคนวิตก โดยเฉพาะในอเมริกามีคนเป็นโรคนี้กันมาก วันหนึ่งคนเช่าบ้านของผู้เขียนเป็นชาว TRINIDAD ชื่อ CLEO LEWIS เกิดมีอาการปวดบวมด้วยโรคเก๊าท์จนเดินไม่ได้ และทรมานมากจนแทบทนไม่ไหว ขณะนั้นเป็นเวลาดึกมากแล้ว ประกอบกับเธอไม่มีประกันสุขภาพ ผู้เขียนจึงตัดสินใจใช้น้ำมันมะรุมทาให้ในคืนนั้น และให้รับประทานเมล็ดมะรุม 4 เม็ด 3 เวลาและก่อนนอน ปรากฎว่าโรคเก๊าท์หายไปภายใน 3 วัน

เพื่อนที่ทำงานมีอาการปวดขาเนื่องจากวัยชรา เมื่อลองใช้น้ำมันมะรุมทาอาการปวดก็ทุเลาลง

TAMMY บุตรสาวคุณรัตตินันท์ แจ้งมาว่า น้ำมันมะรุมใช้ได้ผลดีสำหรับเด็กเล็กทีแพ้ผ้าอ้อม เธอใช้กับบุตรสาววัย 6 เดือนเสมอๆ คุณรัตตินันท์เองก็ชื่นชอบน้ำมันมะรุมเป็นอย่างมาก ที่ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยบั้นเอว เพราะต้องอุ้มและวิ่งตามหลานชายอายุ 1 ขวบ วันหนึ่งเกิดมีอาการปวดหลัง่บริเวณบั้นเอวเป็นอย่างมากจนก้มตัวลงไม่ถนัด นอนตะแคงก็ไม่ได้ เธอมีน้ำมันมะรุมไว้ใช้ประจำบ้าน จึงรีบใช้น้ำมันทาก่อนนอน และลุกขึ้นมาทาซ้ำอีกกลางดึก ปรากฎว่าวันรุ่งขึ้นอาการปวดทุเลาลงจนเกือบหาย จากนั้นเธอไม่ลืมทาน้ำมันมะรุมทุกเช้าและก่อนนอนเป็นประจำ เพื่อป้องกันอาการปวดหลัง และช่วยบำรุงกล้ามเนื้อและกระดูก

น้ำมันมะรุมยังมีคุณสมบัติชะลอความชราได้ด้วย จะใช้ทานโดยตรงหรือผสมโลชั้นหรือน้ำมันอื่นที่ท่านชอบ เมื่อทาแล้วผิวหน้าจะเนียน นุ่มนวลและง่ายต่อการแต่งหน้า ทั้งยังทำให้เครื่องสำอางติดทน ข้อดีอีกอย่างของน้ำมันมะรุมคือดูดซึมง่าย และไม่เหนียวเหนอะหนะเช่นน้ำมันชนิดอื่นๆ

โรคฉี่หนูกำลังเป็นโรคที่น่ากลัวและยังไม่มียารักษา แต่จากการใช้ลูกดิ่งประเมินผล อาจารย์สุทธิวัสส์พบว่า ถ้ารับประทานเมล็ดมะรุมวันละ 12 เม็ดติดต่อกันเป็นเวลา 20 วัน และทุกครั้งที่ต้องย่ำน้ำให้ทาน้ำมันมะรุมที่เท้าและง่ามเท้า จะช่วยให้พ้นอันตรายจากโรคฉี่หนูได้

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2550 อาจารย์นวลฉวีได้รับข่าวเป็นที่น่ายินดีจากนายแพทย์เปี่ยมโชค ชลิดาพงศ์ ว่าท่านมีคนไข้ผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม แต่มีความยินดีที่จะนำอาการป่วยมาเผยแพร่เป็นวิทยาทานแก่คนทั่วไป คู่ครองได้เสียชีวิตด้วยโรคเอดส์ และผู้ป่วยได้รับเชื้อโรคร้ายนี้มาจากคู่ครอง เมื่อตอนมาพบคุณหมอนั้น อาการทรุดมากแล้ว สุดวิสัยที่จะเยียวยา แต่เนื่องจากศรัทธาที่มีต่อคุณหมอในเกียรติคุณด้านโภชนบำบัด ผู้ป่วยได้วิงวอนให้คุณหมอหาทางช่วยชีวิต ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม

คุณหมอเปี่ยมโชคเล่าว่า เมื่อพบครั้งแรกนั้นผลของ Viral สูงมาก และผลของ CD4 มีปริมาณที่ต่ำจนถึงจุดอันตราย ในวาระนั้นเองท่านผู้นี้ได้รับการแนะนำจากเพื่อนให้รับประทานมะรุมเมล็ดที่แก่จัดวันละ 12 เม็ด ขณะนี้ได้รับประทานมาเป็นเวลา 3 เดือนแล้ว ในระหว่างนี้ก็ยังรับการดูแลจากคุณหมออย่างสม่ำเสมอ จึงทำให้ท่านได้เห็นผลก้าวหน้าอย่างใกล้ชิด จากการตรวจครั้งสุดท้ายผลปรากฎว่า ปริมาณของเชื้อ Viral ลดลงต่ำกว่า 50 หน่วย ซึ่งถือได้ว่าต่ำมาก และผลของ CD4 มีปริมาณสูงถึง 500 หน่วย ในคนปรกติโดยทั่วไปจะมีราวๆ 700-800 สภาพร่างกายโดยทั่วๆ ไป ของผู้ป่วยดูสมบูรณ์แข็งแรงเหมือนคนปรกติ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง

แต่เนื่องจากคุณหมอเปี่ยมโชคเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านโภชนบำบัดโดยเฉพาะ ท่านจึงกรุณาให้ข้อสังเกตและแนะนำว่า เม็ดมะรุมมีตัวยาประกอบที่สำคัญตัวหนึ่ง ซึ่งหากรับประทานติดต่อเป็นระยะเวลานาน จะเกิดผลเสียต่อร่างกายมากกว่าผลดี ท่านจึงเป็นสมควรว่า เมื่อร่างกายกลับเข้าสู่สภาวะปรกติแล้ว ควรจะหยุดการใช้เสีย ส่วนการที่จะเสริมสร้างภูมิต้านทานให้อยู่ในระดับปรกตินั้น สมควรหาอาหารที่เป็นยาชนิดอื่นมาทดแทน ในกรณีนี้จากการสำรวจงานวิจัยของแพทย์หลายๆ ท่าน ในต่างประเทศซึ่งจะหาดูได้จากเว็บไซต์อเมริกัน http://www.PUBMED.GOV จะเห็นว่ามะรุมผงสามารถเสริมสร้างภูมิ-ต้านทานให้แก่ร่างกายได้เป็นอย่างดี แต่ถึงอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและความพร้อมของแต่ละบุคคลเป็นสำคัญ และเพื่อความไม่ประมาทควรหมั่นให้แพทย์แผนปัจจุบันตรวจดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ

ขอกราบขอบพระคุณในเมตตาจิตของคุณหมอเปี่ยมโชค ชลิดาพงศ์ ที่กรุณาอนุญาตให้นำข้อมูลมาเผยแพร่เป็นวิทยาทานแก่เพื่อนร่วมชาติ

ในขณะเดียวกันได้มีโอกาสพบท่านนายแพทย์วิฑูร จารุประกร ท่านได้ให้ความสนใจมะรุมเป็นอย่างมาก และได้ติดตามวิจัย ศึกษาพอสมควร ท่านได้ส่งเสริมให้มีการรับประทานพืชผักผลไม้เป็นประจำ มะรุมเป็นพืชชนิดหนึ่งที่ท่านสนับสนุนให้รับประทานอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งชักจูงให้ปลูกไว้ในครัวเรือนด้วย โดยใหคำอธิบายว่า ใบมะรุมมีสรรพคุณเป็นยาที่ออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระได้ เพราะมีคาโรตินอยด์ในปริมาณสูง


มะรุม ต้นไม้มหัศจรรย์
จากหนังสือ นาฬิกาชีวิต ตอน ๒
เขียนโดย ดร.วิไลวรรณ อนุสารสุนทร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น